วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก





ชื่อสถานที่
สนามกีฬากรุงโรม
: Colosseum of Rome
สถานที่ตั้ง  กรุงโรม ประเทศอิตาลี
ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้

        สนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงของโลกอย่างหนึ่ง เป็นอนุสรณ์ที่ ใหญ่โตของอาณาจักร โรมันสมัยโบราณสร้างขึ้นในระหว่างสิพ.ศ. 615 ถึง 623 (ค.ศ. ที่ 72 ถึง 80)

        ตัวสนามสร้างมีรูปเป็นตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ วัดโดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้น ภายในมีอัฒจรรย์สำหรับคนนั่งดู จุคนดูประมาณ 80,000 คน ใต้อัฒจรรย์ และใต้ดินมีห้องสำหรับขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และสิงโต หลายร้อยห้อง ใช้เป็นสถานที่ให้นักโทษ ต่อสู้กับสิงโตที่อดอาหาร หากนักโทษผู้ใดเอาชนะ ฆ่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่าได้ก็รอดชีวิตไป หรือ ไว้ใช้เป็นที่ประลองฝีมือในเชิงฟันดาบของบรรดาเหล่าทาสให้ต่อสู้กันเอง ยิ่งถ้าต่อสู้กัน จนถึงสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ตาย ก็จะได้รับเกียรติอย่างสูงเพราะเป็นการต่อสู้ที่ชาวโรมันนิยมและยกย่องกันมากปีๆธิหนึ่งต้องสูญเสียชีวิตนักโทษและทาสไม่ต่ำกว่าร้อยคน

        สนามกีฬาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ แต่เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมลงชัก็ถูกข้าศึกทำลายหลายครั้งหลายหน

        ในปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงสร้างอันใหญ่โตมโหฬารไว้ให้ชม






ชื่อสถานที่
หอเอนเมืองปิซา
: Leaning Tower of Pisa
สถานที่ตั้ง  เมืองปิซา ประเทศอิตาลี
ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้

        หอเอนแห่งเมืองปิซา เป็นหอคอยหินอ่อนที่พิศดาร สูง 54 เมตร ( 181 ฟุต) มี 8 ชั้น แต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายวิจิตรรองรับ ได้ลงมือสร้างเมื่อ พ.ศ. 1717 (ค.ศ. 1174) ไปเสร็จในปี พ.ศ. 1893 (ค.ศ. 1350) ใช้เวานานถึง 176 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก ความน่ามหัศจรรย์อีกอย่าง คือ เมื่อเริ่มสร้างได้ 4-5 ชั้น หอนี้เริ่มเอียง แต่ไม่ถึงกับพังทลายลงมา เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ได้ เมื่อสร้างเสร็จ ยอดของหอเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 4 เมตร( 14 ฟุต) และหอเอนนี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองเรื่องอัตราเร็วของเทห์วัตถุที่ตกลงมาจากที่สูง





                    พีระมิดในประเทศอียิปต์มีมากมายหลายแห่งด้วยกันแต่ที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่หมู่พีระมิดแห่ง กิซ่า (Giza) ซึ่งประกอบไปด้วย พีระมิดคีออปส์ (Cheops) คีเฟรน (Chephren) และแมนคีเร (Menkaure) พีระมิดทั้งสามสร้างเรียงต่อกันเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ปัจจุบัน ด้วยโครงสร้างรูปทรงเรขาคณิตเฉพาะตัว ทำให้สามารถสังเกตเห็นได้ในระยะไกล รวมทั้งจาก อวกาศ
พีระมิดคีออปส์ ซึ่งใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกิซ่า เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ของอียิปต์โบราณ ซึ่งปกครองอาณาจักรอียิปต์เมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาลหรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อเป็นที่ไว้พระศพตามธรรมเนียมของชาวอียิปต์ในยุคนั้น พีระมิดคีออปส์นี้ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน







ชื่อสถานที่
ทัชมาฮัล
: Taj Mahal
สถานที่ตั้ง  เมืองอักรา ประเทศอินเดีย
ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้

        ทัชมาฮัล เป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของโลก เพราะที่นี่เป็นสุสานฝังศพของ มุมทัชมาฮัล ราชินีผู้ป็นที่รักยิ่งของ พระเจ้าชาห์เยฮัน อยู่ในเมืองอัคระ บนฝั่งแม่น้ำยมนา ประเทศอินเดีย

        มุมทัชมาฮาล เป็นมเหสีที่พระเจ้าชาห์เยฮันรักมากที่สุด พระนางสิ้นพระชนม์เพราะคลอดโอรสองค์ที่ 15 ซึ่งทำให้พระเจ้าชาห์เยฮัน เศร้าโศกมาก พระองค์จึงสร้างที่ฝังศพที่หญ่โตที่สุดในโลกขึ้นที่ริมแม่น้ำยมนา

        สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2173-2191 (ค.ศ. 1630-1648) เสียเวลาสร้างอยู่ 23 ปี ทกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซีย โดยสถาปนิก อุสตาด ไอสา (Ustad lsa) มีผู้ร่วมสร้างเป็น ผู้ออกแบบ ช่างเขียนลวดลาย ช่างอิฐ ช่างปูน ช่างประดับลวดลายด้วยกระเบื้อง ช่างแกะสลัก ช่างตกแต่งภายใน รวม 20,000 คน วัตถุในการก่อสร้าง คือ หินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลือง จากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียรไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 50,000,000 เหรียญอเมริกัน หรือ ประมาณ 1,000,000,000 บาท

        ซึ่งได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วน และ วิจิตรงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 39 เมตร(130 ฟุต) ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร(200 ฟุต) มีโดมเล็กๆ เป็นหสูงอยู่ทั้ง 4 มุม ภายในประดับด้วย หินอ่อนสลักฉลุเป็นลวดลายวิจิตรตระการตาแทรกเสริมด้วย พลอยสี ทับทิม และนิล ตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่มีแท่นวางหีบศพที่ทำด้วยหินอ่อน และมีฉากหินอ่อนฉลุลายงามเป็นพิเศษกั้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ศพจริงๆ ไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ หากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้น ภายหลังที่สร้างทัชมาฮัล ซาร์เจฮันใฝ่ฝันที่จะสร้าง ที่ฝังศพตัวเองที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้ามจะเป็นหินอ่อนสีดำล้วนๆ แต่ลูกชายเกรงเงินจะหมดจะไม่มีใช้ เมื่อขึ้นครองราชสมบัติจึงจับพ่อขังอยู่ได้ 7 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ประมาณปี พ.ศ.2209 (ค.ศ.1666) แล้วเอาศพไปฝังข้างศพแม่ ส่วนนายช่างผู้ออกแบบถูกสั่งให้ประหาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสออกแบบสิ่งก่อสร้างใด ๆ ที่สวยกว่าได้

        ทัชมาฮัลเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างเหมาะสมสวยงามน่ามหัศจรรย์ 







ชื่อสถานที่
กำแพงเมืองจีน
: Great Wall of China
สถานที่ตั้ง  ประเทศจีน
ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้

        กำแพงเมืองจีน หรือกำแพงอิฐยักษ์ เป็นกำแพงกั้นเมือง และกั้นประเทศทั้งประเทศ ตามพรมแดนด้านเหนือของจีน เป็นกำแพงที่ยาวใหญ่มหึมา หาที่ใดในโลกมาเปรียบ ไม่ได้อีกแล้ว มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร(10 ฟุต) ซึ่งทหารม้าเข้าแถวเรียง 8 ได้อย่างสบาย ๆ มีความสูง จากพื้นด้านล่างตั้งแต่ 8 เมตร ถึง 9 เมตร(20-30 ฟุต หนา15-25 ฟุต) สูงพอที่จะไม่สามารถ ปีนข้ามไปได้ง่าย ๆ เดิมเชื่อว่ามีความยาว 2,550 ไมล์ ( 2,400 กิโลเมตร) บนกำแพงทุก ๆ ระยะ 200 เมตร(300 ฟุต) จะมีหอหรือป้อม สำหรับตรวจเหตุการณ์ มีป้อมมากกว่า 15,000 แห่ง สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตร ถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวน เพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุ ไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ เริ่มสร้างระหว่างปี พ.ศ. 300-329 (243-252ปีก่อนคริสตกาล) ในสมัยพระเจ้าซี่วังตี่ ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี และมีการสร้างต่อเติมอีกหลายกครั้ง ใช้แรงงานเกณฑ์จากราษฎรทั้งประเทศ นับจำนวนล้าน มีผู้เสียชีวิตนับพันนับหมื่น

        เป็นสิ่งก่อสร้าง ชนิดเดียวในโลก ที่สามารถมองเห็น เมื่อมองจากดวงจันทร์ ในสมัยนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่ป้องกันข้าศึกได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันไม่มีความหมายในด้านป้องกันประเทศอีกแล้ว คงมีค่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก







นครวัด  เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนครจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร
ปราสาทนครวัดได้เริ่มสร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์ ในปี พ.ศ. 1720 ชาวจามได้บุกรุกขอม ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองนครหลวง หรือ เสียมราฐ ในปัจจุบัน หลังจากนั้น พระองค์จึงสร้างเมืองนครธม และ ปราสาทบายน ห่างจากปราสาทนครวัดไปทางเหนือ เพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวขอม
ในปี ค.ศ. 1586 (พ.ศ. 2129) ได้มีนักบวชจากโปรตุเกส นามว่า อันโตนิโอ ดา มักดาเลนา เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้ไปเยือนปราสาทนครวัด แต่ที่จะถือว่าเป็นการเปิดประตูให้แก่ปราสาทนครวัดสู่สายตาชาวโลกนั้น คือการค้นพบของ อองรี มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วมา ที่จริงชาวกัมพูชาไม่เคยละทิ้งนครวัดไปเพราะหลังจากมีการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่พนมเปญแล้ว ชาวบ้านก็ได้เขาไปตั้งรกรากภายในเขตนครวัดเรื่อยมา ปราสาทนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคสิ้นสุดของราชอาณาจักรขะแมร์ โดยมีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก



ชื่อสถานที่
กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์
: Stonehenge
สถานที่ตั้ง  เมืองซัลลิสเบอรี่ มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมได้

        กองหินประหลาดนี้อยู่กลางทุ่งนาแห่งเมืองซัลลิสเบอรี ห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 10 ไมล์ ประกอบด้วยแนวหินขนาดมหึมาหินเรียงรายราว ๆ 3 กิโลเมตร และ มีกลุ่มหินใหญ่ประมาณ 112 ก้อน ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งนา เป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง บางก้อนล้มนอน บางก้อนตั้งตรง บางก้อนวางซ้อนทับอยู่บนยอดก้อนหินที่ตั้งอยู่สองก้อน

      วงกลมรอบนอก มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 100 ฟุต มีหินทั้งหมด 30 ก้อน แต่ละก้อนสูง 13 ฟุต

      วงกลมรอบกลาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 76 ฟุต มีหินทั้งหมด 40 ก้อน มีสองก้อนตั้งสูงถึง 22 ฟุต

      วงในสุด มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 50 ฟุต มีหินทั้งหมด 42 ก้อน ล้มบ้างตั้งสูงบ้าง หินแต่ละก้อนหนักเป็นตันๆ เฉลี่ยแล้วสูง 4 เมตร หนัก 26 ตัน

        มีผู้สันนิษฐานว่าตั้งอยู่ในที่นั้นมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาลถึง 1,700 ปี เป็นสิ่งก่อสร้างที่โดยไม่มีร่องรอยของความเป็นมา ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง, สร้างเพื่อวัตถุประสงค์อะไร? ที่น่าแปลกก็คือ ในริเวณนั้นเป็นทุ่งกว้าง ไม่มีภูเขาและสิ่งก่อสร้างด้วยก้อนหินอื่น ๆ อีกเลย จึงทำให้สงสัยว่าผู้ก่อสร้างนำหินเหล่านั้นมาจากไหน และไม่ปรากฏว่ามีการขน หรือสิ่งปรักหักพังในการก่อสร้าง บริเวณที่ดังกล่าว ใช้อะไรยกหินก้อน ที่หนัก ๆ หลาย ๆ ตันขึ้นวางซ้อนกันได้ ซึ่งอยู่สูงถึง 13 ฟุต นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่ท้าทายความอยากรู้ของมนุษย์ยุคปัจจุบันยิ่งนัก



แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

 




แมวพันธุ์ อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถือเป็นแมวที่มีชื่อเสียงมากอีกพันธุ์หนึ่ง ด้วยลักษณะเด่นของ American Curl คือ มีหูม้วนหลุบไปข้างหลัง เป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนแมวพันธุ์อื่น อเมริกัน เคิร์ล เป็นแมวที่ร่าเริงไม่ดุ มีนิสัยเป็นมิตรกับผู้คน ซื่อสัตย์ เข้ากันได้ดีกับเด็ก ๆ และสัตว์อื่นในบ้าน ว่ากันว่า อเมริกัน เคิร์ล มีลักษณะคล้ายสุนัขอีกด้วย

 ประวัติ แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl

          แมว อเมริกัน เคิร์ล American Curl ถูกค้นพบในชุมชน California ของ Lakewood โดย Joe และ Grace Ruga ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.1981 Joe กลับจากทำงานตอนเย็นนั้นและพบลูกแมว 2 ตัวอายุ 6 เดือน ภายนอกบ้านของเขา จึงรับมาเลี้ยงดู พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าพวกมันมีหูที่เป็นวงนั้นจากหลังถึงหัว ดูแล้วเป็นที่น่าขัน ลูกแมวตัวที่เป็นพี่ มีสีดำกับขนยาวและอีกตัวหนึ่ง มีขนสีดำ และสีขาวและขนกึ่งยาว ทั้งสองมีขนนุ่มเป็นมันเรียบคล้ายไหม ลูกแมวทั้งสองถูกตั้งชื่อว่า Shulamith และ Panda

          ต่อมาในเดือนธันวาคม ค.ศ.1981 หลังการตกลูกครอกแรกของ Shulamith พวกเขาจึงได้มองเห็นถึงการมีใบหูที่มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนใครของมัน แสดงถึงการค้นพบพันธุ์ใหม่ของแมว พวกเขาเริ่มต้นการวิจัยและการทดสอบเพาะพันธุ์โดยทันที ซึ่งนำมาสู่การยอมรับและได้รับการจดทะเบียนเป็น อเมริกัน เคิร์ล American Curl แมวพันธุ์ใหม่ของโลกในปี ค.ศ.1986 ซึ่งแมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวที่สามารถแบ่งพันธุ์ได้ทั้งสองชนิดคือมีทั้ง แบบ Shorthair และ Longhair





แมวเตอร์กิชแวน ( Turkish Van )



            แมวเตอร์กิชแวน ( Turkish Van ) เป็นแมวที่มีต้นกำเนิดมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยถิ่นกำเนิดอยู่ที่แถบทะเลสาบแวน ในตุรกี ซึ่งเป็นเจ้าเหมียวชนิดเดียว ที่ไม่กลัวน้ำ แถมยังชอบว่ายน้ำอีกด้วย จนได้ฉายาว่า "Swimming Cat" และมันได้รับการรับรองจากสถาบัน GCCF เมื่อปี ค.ศ. 1969 ปัจจุบันมีหลากหลายเฉดสี และหลายลาย แต่สีที่คลาสสิคมากๆคือ สีน้ำตาลแดง หรือ น้ำตาล ครีมๆ อุปนิสัยร่าเริง มีความเป็นมิตร ชอบหมกตัวอยู่กับเจ้าของ ไม่ก็แอบซุกอยู่ในที่เงียบๆ มีพละกำลังในการเล่นสูง และชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ

           สักษณะโดยทั่วไป
           เป็นแมวขนกึ่งยาวที่สามารถปรับสภาพได้ตามภูมิอากาศ ลำตัวยาว และใหญ่มาก หัวค่อนข้างกว้าง ใบหูขนาดกลางถึงใหญ่ ตั้งตรงสูง ไม่ห่างกันมากนัก ดวงตาโต สีเหลืองอำพัน หรือสีฟ้า หรือบางครั้งมีท้ง2สี ( Odd Eyes ) ลายของขนตลอดลำตัวจะเป็นสีขาว มีสีอื่นได้เฉพาะที่หัวและหาง ไม่ควรมีแต้มตามลำตัวเกิน 2 ที่




แมว เบอร์แมน (Birman)



        ลักษณะของแมวพันธุ์เบอแมน
เป็นแมวขนาดใหญ่ ยาวล่ำสัน กำยำ แข็งแรง ขนยาวแวววาวเหมือนใยไหม ขนสีเหลือบทองเป็นสีที่ชื่นชอบมากกว่า ดูราวกับละอองน้ำกับทองคำ แต้มที่หน้าขาและหางมีสีเข้มขึ้นเหมือนกับ Siamese และแต้มสีของ Persian ซึ่งมีรูปแบบสีของแต้มสีครัง แต้มสีน้ำเงิน แต้มสีช๊อกโกเลตและแต้มสีดอก Lilae ตาเป็นสีน้ำเงินเกือบจะกลม เท้าสีขาวเด่น เป็นเท้าที่ได้สัดส่วนร่วมกัน ถุงเท้าบนเท้าหน้า ถ้าสมบูรณ์แบบจะมีเส้นเรียบยาวไปตามขวาง และบนขาหลังเส้นจะสิ้นสุดในตำแหน่งเหนือส่วนหลังของเขาเรียกว่าสายรัดรองเท้า (Laces) ยากมากที่จะผสมพันธุ์แมวให้ได้ถุงเท้าสีขาว 4 ข้างที่สมบูรณ์แบบ 
มีบุคลิกภาพที่สนุกสนาน สุภาพดีเลิศ กระตือรือร้น คล่องแคล่ว ขี้เล่น แต่เงียบสงบและไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น ถ้าคุณกำลังวุ่นวายอยู่กับสิ่งอื่นๆ
เชื่อกันว่าแมว Birman มีถิ่นกำเนิดในพม่า ทะเบียนแมวฝรั่งเศสยอมรับ Birman ในฐานะสายพันธุ์ที่แยกออกมา ใน คศ.1925 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเพียง Birman 2 ตัวที่ถูกละทิ้งให้มีชิวิตอยู่ในยุโรป ดังนั้นจึงเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อสถาปนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่ แมวที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนส่วนใหญ่ต้องการสายพันธุ์บริสุทธิ์อย่างน้อย 5 รุ่น หลังจากการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้รับการรับรองสายพันธุ์อย่างเต็มที่สำหรับ Championship Competition Birman ได้รับการรับรองจากประเทศอังกฤษใน ค.ศ.1966 และจาก The Cat Fancier’s Association ใน ค.ศ.1967

ประวัติ


ประวัติ


                   ชื่อ นางสาว ศศิกานต์  ศิริเมือง  ชื่อเล่น มะเหมี่่ยว
                   เกิดวันที่ : 3 มกราคม 2535 อายุ 20 ปี
                   อยู่ที่ : จังหวัดร้อยเอ็ด
                   สัตว์ที่ชอบ : แมวเหมียวๆ =^^=
                   งานอดิเรก : ฟังเพลง ดูการ์ตูน(วันพีท)
                   เครื่องคนตรีที่ชอบ : กีต้า (กำลังหัดเล่น)
                   นิสัย : เป็นคนง่ายๆ ตลก สนุกสนาน  เงียบๆบ้าง(กับคนที่ไม่สนิท)
                   คติ   :  ไม่มีคำว่าสาย...สำหรับการเริ่มต้น

เรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง  สาขา นิติศาสตร์  ปีที่ 2
ที่เข้ามาเรียนสาขา นิติศาสตร์นี้ เพราะ ชอบและรักในความยุติธรรม  มีความรู้สึกว่ากฎหมายมีความซับซ้อนหน้าค้นหา  หากอ่านไปก็จะยิ่งมีสิ่งที่หน้าให้คิดชวนติดตาม  ซึ่งการอ่านแล้วเกิดความรู้สึกอย่างนี้จะเป็นการทำให้การเรียนกฎหมายไม่รู้สึกเบื่ออีกต่อไป...